พอถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มมีคำถามแล้ว ว่ากระถางมีตั้งหลายแบบ แล้วกระถางแบบไหนกันนะ ที่จะเหมาะกับไม้อวบน้ำมากที่สุด ดังนั้นวันนี้จะขอวิเคราะห์เจาะประเด็นนี้กันสักหน่อยครับ
เพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์ จะขอพูดถึงที่ละชนิดๆไปเลยนะครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมแบ่งกระถางต้นไม้ที่พบเห็นกันบ่อยๆ ตามลักษณะวัสดุที่ใช้ทำกระถางได้เป็น 4 ชนิดครับ
1. กระถางพลาสติก
![]() |
ภาพจาก http://www.organicthailand.com/ |
เป็นกระถางที่เป็นที่นิยมสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขายไม้ เนื่องจากข้อดีที่มาอันดับต้นๆ คือราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับกระถางชนิดอื่นๆครับ นอกจากนี้ยังน้ำหนักเบา และมีหลากหลายรูปร่าง หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ด้วย ข้อเสียของกระถางพลาสติกก็คือ อายุการใช้งานไม่นานนัก เมื่อใช้ไปซัก 2-3 ปี ก็จะเริ่มมีอาการกรอบให้เห็น นอกจากนี้ ตัวกระถางมีความสามารถในการระบายความชื้นต่ำครับ (คือน้ำผ่านตัวกระถางที่เป็นพลาสติกไม่ได้) ดังนั้นผู้ที่จะใช้กระถางชนิดนี้ ควรจะต้องมั่นใจในเรื่องการให้น้ำและสูตรดินของตัวเองพอสมควรว่าระบายความชื้นได้ดี มิเช่นนั้นต้นไม้จะชื้นเกินไปและเน่าตายได้ครับ
2. กระถางดินไม่เคลือบ
![]() |
ภาพจาก http://www.be2hand.com/scripts/shop.php?user=yui_laddawan&do=list&cat_id=1807 |
อันนี้ผมหมายถึงพวกกระถางดินสีส้มๆน้ำตาลๆทั่วไปน่ะนะครับ ข้อดีของกระถางชนิดนี้ก็คือเรื่องการระบายความชื้น เนื่องจากว่าทำจากดิน กระถางชนิดนี้จะมีรูพรุนในเนื้อกระถาง ทำให้ความชื้นผ่านได้ครับ ซึ่งนี่เองทำให้ภายในกระถางชนิดนี้มีความเย็นมากกว่ากระถางชนิดอื่นๆ ดังนั้นกระถางชนิดนี้จะเหมาะกับพืชที่ชอบความแห้งมากๆ หรือเน่าง่าย ส่วนข้อเสียก็คือเรื่องราคา กระถางชนิดนี้ราคาสูงกว่ากระถางพลาสติกมาก น้ำหนักเยอะกว่ามากด้วย (ทำให้วัสดุทำโรงเรือนก็จะต้องแข็งแรงมากตามด้วยนะครับ)
3. กระถางดินเคลือบ, กระถางแก้ว, กระถางเซรามิก
![]() |
ภาพจาก http://www.positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=20769 |
จุดเด่นของกระถางกลุ่มนี้คือเรื่องของความสวยงาม บางท่านเมื่อได้ไม้สวยๆมา ก็อยากจะให้เขาอยู่ในกระถางสวยๆ เพื่อความโดนเด่นสวยสง่าให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ แต่ควรระวังนะครับ จุดด้อยของกระถางกลุ่มนี้ก็มาจากวัสดุเคลือบที่สวยๆนี่เองครับ เพราะพวกนี้จะลดความสามารถให้น้ำผ่านของกระถางลงครับ และจุดด้อยอีกจุดที่ควรจะต้องคำนึงถึงก็คงไม่พ้นเรื่องราคา
4. กระถางโลหะ
![]() |
ภาพจาก http://www.forfur.com |
อันนี้คิดว่าไม่เป็นที่นิยมนักในบ้านเรา ซึ่งจริงๆแล้วก็สมเหตุสมผลนะครับ เนื่องจากโลหะไม่ให้น้ำผ่าน น้ำหนักมาก โลหะบางชนิดอาจเกิดสนิมได้ และจะร้อนเอามากๆหากตั้งกลางแดด ดูๆแล้วจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีครับ แต่จุดเด่นก็คงอาจจะเป็นเรื่อง texture ที่แปลก และให้ความแตกต่างไม่เหมือนใคร
เอาละครับ ทีนี้เรามานำต้นไม้ลงกระถางกันเลยดีกว่า ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวนายแบบสำหรับวันนี้ก่อนครับ
![]() |
ถึงผมจะตัวเล็ก แต่ผมมีเซฟแล้วนะครับ |
เจ้านี่ชื่อ Discocactus bueneckeri ครับ เป็นดิสโก้ตัวเล็ก มีลักษณะเด่นคือเนินหนามที่ต่างจากดิสโก้อื่นๆ คือเป็นเนิมหนามแยกตัวไม่เป็นสันพู และให้หน่อได้ครับ พอรู้จักหน้าค่าตากันแล้วนะครับ ต้นนี้ผมเอาออกจากกระถางผึ่งไว้ 2 อาทิตย์แล้วครับ ต้นเริ่มซูบๆไปบ้าง ถึงคราวจะต้องลงดินกันเสียที เริ่มกันเลยดีกว่า
ก่อนอื่น ควรกะขนาดต้น และขนาดระบบรากก่อน เพื่อให้กะขนาดกระถาง และความหนาของชั้นรองก้นได้ถูก
![]() |
จะเห็นว่ารากต้นนี้สั้นๆตื้นๆนะครับ แบบนี้ควรเลือกกระถางเตี้ยกว้างครับ |
เนี่องจากว่าที่ที่ผมอยู่กระถางค่อนข้างจะหายากนะครับ บางทีผมก็เลยจะประยุกต์ เอาแก้วเบียร์นี้ละครับ มาตัดและเจาะรูทำเป็นกระถางเสียเลย ถูกดีครับ และก็เลือกได้ด้วยว่าจะเอาสูงขนาดไหน ก็ตัดเอาได้ตามชอบใจเลยครับ
![]() |
แก้วเบียร์พลาสติก เอามาตัดเป็นกระถางซะเลย |
![]() |
อย่าลืมเจาะรูระบายน้ำใหญ่ๆด้วยนะครับ |
ต่อมาก็ลองกะดูครับ ว่าจะไห้ต้นไม้อยู่ตำแหน่งประมาณไหน กระถางขนาดพอดีหรือไม่
![]() |
กระถางขนาดพอดีกับต้นไม้เลย แบบนี้ใช้ได้ครับ หรือจะเลือกให้ใหญ่กว่านี้ได้อีกหน่อยนะครับ |
![]() |
อันนี้กำลังดีแล้วนะครับ ต้นไม่คับกระถางเกินไป เพราะเราจะปลูกให้สูงขึ้นมา และความลึกก็กะให้รากอยู่เหนือก้นกระถางเล็กน้อยแบบนี้ครับ |
ได้ที่แล้วก็มารองก้นกระถาง ความสูงของชั้นรองขึ้นกับระบบรากของต้นไม้ที่จะปลูก ส่วนมากจะหนาประมาณ 1-2 ซม. หรือ ประมาณ 1/4 ของปริมาตรกระถางครับ (อ่านเรื่องวัสดุรองก้นกระถางเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ครับ)
![]() |
ทางผมหาถ่านไม้ไม่ได้ครับ เลยรองกินด้วยเพอร์ไลท์แทน อย่าลืมร่อนเอาผงเล็กๆออกด้วยนะครับ |
![]() |
กระถางผมเตี้ยพอดีกับต้นไม้อยู่แล้ว รองซักขนาดนี้ก็กำลังพอดีครับ |
ต่อมาก็ใส่ดินผสมลงไปเล็กน้อย กะให้หนาประมาณ 1 ซม. - 1 นิ้วครับ การปลูกต้นไม้กลุ่มนี้ ไม่ควรฝังโคนต้น ลงในดินลึกเกินไป เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการเน่าครับ ทางที่ดี คือควรจะให้แค่ส่วนรากสัมผัส ทิ่มลงไปในดิน แต่บริเวณโคนต้นแตะดินพอดี หรือลอยอยู่เหนือดินเล็กน้อย (กรณีพวกไม้ลำอาจจะต้องใช้ไม้ช่วยค้ำในระยะแรกๆ) อันนี้ทำได้โดยการใช้กรวดโรยหน้าเป็นตัวช่วยพยุงครับ เมื่อกะตำแหน่งที่ควรจะเป็นของต้นไม้ได้แล้ว ก็ความหนาของชั้นดินนี้กับความยาวของรากต้นไม้ เอาว่าให้ปลายรากยาวลงไปแตะๆหน้าดินพอดี ถ้าเหลือที่เยอะไปแปลว่ากระถางสูงเกินไป ควรเปลี่ยนกระถาง หรือไม่ก็รองก้นเพิ่มครับ
เมื่อรองดินชั้นแรกได้ที่แล้วก็วางต้นไม้ลงไป จะพิงกับข้างกระถาง หรือจะเอามือหนึ่งจับไว้ก็ได้ แล้วก็ตักดินผสมใส่ลงไปกลบรากครับ สุดท้ายดินควรจะกลบรากส่วนใหญ่ อย่าลืมว่าต้นไม้ไม่ควรฝังจมลงไปลึกมาก หากเป็นพวกรากมีโขด เช่น Ariocarpus อาจจะเห็นโคนรากเล็กน้อย ไม่เป็นไรครับ เอานิ้ว หรือช้อนกดบริเวณโคนต้นเล็กน้อย เพื่อให้ดินแน่นนิดหนึ่ง ต้นจะได้ไม่โยกโคลง ถ้าดินยุบลงไปมากก็ใส่เพิ่ม และกดๆอีกจนได้ตามต้องการครับ กดนี่คือแค่เบาๆ เอาให้ต้นไม้ไม่ง่อนแง่นก็พอนะครับ อย่าใช้แรงมากไปเพราะจะทำให้ดินแน่นเกินไป รากต้นไม้เดินไม่สะดวก และลดความโปร่งของดิน เมื่อเสร็จแล้ว หน้าดินควรจะเตี้ยลงมากว่าขอบกระถางราวๆ 0.5 ซม. เพื่อให้มีที่โรยกรวดครับ
![]() |
ใส่ดินแล้วก็จะได้ประมาณนี้ครับ |
![]() |
ด้านบนครับ |
สุดท้ายก็โรยกรวดลงไป กรวดนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังมีข้อดีช่วยค้ำต้นไม้ไม่ให้โยกโคลง และช่วยป้องกันหน้าดินกระจายเวลารดน้ำด้วยครับ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จภารกิจ Mission accomplished ครับ
![]() |
กรวดผมก็หาไม่ได้อีกเหมือนกัน เอาเพอร์ไลท์นี่ละครับโรยหน้าซะเลย |
![]() |
มาดูด้านบนกันบ้างครับ เรียบร้อยดีไหม |
ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า เราควรจะรดน้ำต้นไม้หลังปลูกทันทีหรือไม่ เท่าที่ผมรู้ มีหลายท่านชอบที่จะรอไปก่อนซัก 3-5 วัน หลังปลูก แล้วค่อยรดน้ำ แต่โดนส่วนตัว ผมชอบที่จะรดน้ำไปเลยมากกว่า เพราะส่วนมาก ก่อนผมจะเปลี่ยนกระถาง ผมจะล้างราก ตัดแต่งราก และพักต้นไม้ไว้ก่อนหน้าประมาณ 1 อาทิตย์แล้วครับ และวัสดุปลูกของผมทุกอย่างจะแห้งทั้งหมด เท่าที่ลองเลี้ยงมา ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ โดยน้ำที่รดครั้งแรกหลังปลูกนี้ ผมจะละลายออร์โธไซด์ และ B1 ลงไปด้วยเล็กน้อย เพื่อป้องกันเชื้อราอีกชั้นหนึ่ง และช่วยให้ต้นไม้ฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่ในกรณีที่เราไม่ล้างราก และดินเก่า หรือดินผสมใหม่ของเราชื้นอยู่ อย่างนี้ก็ยังไม่ควรรดน้ำทันทีครับ เพราะความชื้นในดินเพียงพออยู่แล้ว อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านละครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับวิธีการปลูกต้นกระบองเพชร อาจจะฟังดูพิถีพิถันหน่อย แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมครับ ทีนี้เราก็รู้วิธีปลูกกระบองเพชรกันแล้ว รอบหน้าผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้หลังการปลูกครับ อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ