ตอนที่แล้วเราได้พูดคุยกันถึงข้อดีข้อเสียของวัสดุรองกันชนิดต่างๆไปแล้วนะครับ ใครที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถตามไปอ่านกันได้ ที่นี่ ครับ ครั้งนี้ก็ ตามสัญญาครับ วันนี้ผมจะเล่าถึงเรื่องการเตรียมดินสำหรับปลูกไม้อวบน้ำ ซึ่งหลักๆแล้ว ส่วนผสมทั่วไปก็ไม่มีอะไรมากครับ หลักๆก็มีดิน และพวกกรวดทรายเท่านั้นเอง
ถึงตรงนี้บางท่านอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่า "อะไรกัน กระบองเพชรเป็นพืชทะเลทรายไม่ใช่เหรอ เวลาปลูกก็ควรต้องปลูกด้วยทรายอย่างเดียวสิ" อันนี้ต้องขอบอกว่า จริงๆแล้วต้นไม้พวกนี้ไม่ได้มาจากโซนทะเลทรายแบบที่มีแต่เนินทรายสุดลูกหูลูกตาอย่างในหนังที่เราเห็นกันบ่อยๆหรอกครับ แถวนั้นจริงๆแล้วจะแทบไม่มีต้นไม้หรือสิ่งมีชีวิตอาศัยได้เลย กระบองเพชรที่ว่าทนแล้งเก่งๆ เจอแบบนั้นเข้าไปก็ไม่รอดครับ แต่โซนที่ต้นไม้อวบน้ำสุดโปรดของพวกเราอาศัยอยู่นั้น จริงๆแล้วเป็นบริเวณที่โหดร้ายน้อยกว่านั้นครับ คือจะเป็นโซนที่มีมีไม้พุ่มไม้ยืนต้นขึ้นบ้างประปราย และมีความชื้นบ้าง ดินในแหล่งที่อยู่ปกติของกระบองเพชรและไม้อวบน้ำ จะมีส่วนประกอบหลักเป็นกรวด ทราย อุ้มน้ำได้น้อย และมีซากพืชซากใบไม้อยู่บ้าง การผสมดินลงไป จะทำให้ได้ส่วนผสมที่เป็นที่ถูกอกถูกใจต้นไม้ของเรามากขึ้น การเลี้ยงไม้พวกนี้ด้วยทรายล้วนๆ จึงเป็นอะไรที่โหดร้ายต่อต้นไม้พอสมควรครับ เนื่องจากทรายนั้นแทบจะไม่เก็บน้ำเลย และยังไม่มีธาตุอาหารที่ต้นไม้สามารถดูดซึมไปใช้ได้ด้วย ดังนั้น หากจะเลี้ยงโดยไม่ใช่ดินหรือสารอินทรีย์เลย ต้องคิดถึงเรื่องการเสริมธาตุอาหารให้ต้นไม้ด้วยครับ ในทางตรงกันข้าม การใช้ดินถุงที่ไม่ผ่านการผสมอะไรเลยเลี้ยงกระบองเพชรโดนตรงก็ไม่ดีต่อต้นไม้เช่นกัน เพราะดินถุงที่มีขายในบ้านเราเหมาะกับการเลี้ยงต้นไม้พื้นเมืองของเราซึ่งเป็นโซน tropical ที่ชอบความชื้นสูงครับ ดินถุงบ้านเราเลยจะอุดมไปด้วยสารอินทรีย์ และจะอุ้มน้ำดีเยี่ยม แต่การที่ดินดุ้มน้ำดีนี่เอง จะทำให้ต้นกระบองเพชรและพืชอวบน้ำอื่นๆเน่าตายได้หากนำมาใช้ปลูกโดยตรง
![]() | |
บริเวณที่ cactus ขึ้นอยู่ มักพบไม้พุ่มเล็กๆ และพีชพวก Agave ขึ้นอยู่บริเวณใกล้เคียง ภาพจาก http://www.naturalist.co.uk/tours/argentina_cacti2.php |
ดิน
![]() |
ภาพจาก http://www.siamshop.com/product-1467540 |
ทราย
![]() |
ภาพจาก http://www.konbaan.com/shoppingzone/Expic3.php?pid=400 |
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่าผมเคยได้ยินมาว่ามีโปรหลายท่านเหมือนกันที่ไม่นิยมใช้ทราย ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูก่อนนะครับ แต่เท่าที่ผมลองเลี้ยงๆมา ทรายยังไม่เคยสร้างปัญหาให้ผมครับ ผมจะใช้ทรายก่อสร้างเนี่ยละครับ เพราะว่าเม็ดทรายจะหยาบหน่อย ถ้าเจอทรายละเอียดๆแบบที่เราไปเดินนุ่มๆเท้าที่ชายหาดนี่อย่าเอามาใช้นะครับ เพราะเขาจะเข้าไปอุดช่องว่างในดินผสมของเรา ขวางช่องทางระบายน้ำและอากาศครับ ดินจะอับชื้น ต้นไม้จะเน่าได้ ทรายก็เช่นเดียวกับดินครับ ควรเอามาตากแดดก่อน แต่ส่วนมากผมก็ไม่ได้ทำอีกเหมือนกัน เอาเป็นว่าแห้งๆ ไม่มีตัวอะไรวิ่งเพ่นพ่านเป็นอันใช้ได้ครับ ผมใส่ในทุกสูตรดินเช่นกัน
แกลบ
![]() |
ภาพจาก http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/03/X11785347/X11785347.html |
แกลบคือเปลือกข้าวนั่นเองครับ มีขายทั้งแบบที่ยังไม่ได้เผา และแบบที่เผาแล้ว ผมชอบใช้แบบที่เผาแล้วครับ เพราะอย่างน้อยก็เท่ากับว่าผ่านการฆ่าเชื้อโรคมาแล้ว 1 รอบ ถ้าใช้แบบที่ไม่ได้เผาบางทีจะงอกเป็นต้นข้าวได้ครับ ต้องมานั่งดึงนั่งถอนกันอีก ข้อดีของแกลบก็คือจะช่วยเพิ่มความพรุนของดินปลูกของเราได้ และช่วยเก็บความชื้นได้ปานกลางครับ ผมจะใช้กับไม้ทั่วไปครับ
ขุยมะพร้าว
![]() |
ภาพจาก http://creepercolony.net/ |
อันนี้คือกาบมะพร้าวป่นน่ะนะครับ สรรพคุณก็คล้ายๆแกลบ แต่ว่าจะสามารถเก็บความชื้นได้มากกว่า ผมจะใช้ขุยมะพร้าวเป็นตัวแทนแกลบในการปลูกไม้กลุ่มที่ชอบชื้นมากหน่อยครับ
เพอร์ไลท์ (Perlite)
![]() |
ภาพจาก http://www.tincpro.com/perlite_board/perlite_board.htm |
เป็นก้อนแร่ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเบาๆสีขาวๆครับ นิยมใช้เป็นวัสดุเพิ่มความโปร่งพรุนให้กับดินผสม อุ้มน้ำได้ปานกลาง แต่มีข้อดีคือไม่ค่อยเสี่ยงต่อการเป็นที่อยู่ของแมลงและไม่สลายตัวครับ ราคาสูงพอสมควรครับ ผมจะใช้ Perlite แทนแกลบ ในกรณีปลูกไม้ระดับสูงขึ้นมาครับ
หินภูเขาไฟ (Pumice)
![]() |
ภาพจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=orchid-life |
อันนี้คือหินชนิดเดียวกับที่เราใช้รองก้นกระถางที่เราพูดถึงกันไปแล้วในตอนที่แล้วนั่นเองครับ แต่ว่าที่ใช้รองก้นควรเลือกเอาชนิดก้อนใหญ่หน่อย ส่วนที่ผสมในดินปลูก ควรจะเป็นก้อนเล็กกว่าครับ (เลือกเบอร์กะเอาขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. ครับ) ใช้เป็นวัสดุเพิ่มความโปร่งพรุนให้กับดินผสมเช่นกัน ราคาค่อนข้างสูง น้ำหนักมากหน่อยขนส่งไม่ค่อยสะดวก ผมจะใช้แทนเพอร์ไลท์ในกรณีที่ปลูกไม้ราคาสูง ไม้หายาก หรือไม้ที่เลี้ยงยากๆอื่นๆครับ
เอาละครับ ทีนี้ก็มาถึงส่วนผสมดินแล้ว
ผมก็เริ่มจากการเตรียมกะละมังมาอันนึงนะครับ แล้วก็ช้อนตักดิน เอาไว้คนผสมส่วนผสมต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ ก็คือภาชนะอะไรซักอย่างที่แข็งแรงพอจะตักวัสดุปลูกทั้งหลายได้ครับ เช่นขันใบพอดีมือ ผมจะใช้อันนี้ละตวงวัสดุปลูก เพื่อให้เป็นระบบเดียวกันครับ
สูตรที่ 1
ดิน 1 ส่วน, ทราย 2 ส่วน, ขุยมะพร้าวหรือแกลบ 1 ส่วน
สูตรนี้จะชื้นที่สุดครับ ผมใช้สูตรนี้กับไม้ต่อตอ Pereskiopsis, ตอแก้วมังกร และตอสามเหลี่ยมลูกผสม (รวมถึงตัวไม้ตอเองด้วย) ไม้ตอพวกนี้เป็นพืชท้องถิ่นของโซนบ้านเราอยู่แล้ว ดังนั้นเขาชอบน้ำมากกว่ากระบองเพชรทั่วไปครับ นอกจากนี้สูตรนี้ยังอาจใช้กับไม้ที่เลี้ยงง่าย ชอบความชื้นมากหน่อยกลุ่มอื่นๆ เช่น Echinopsis, lobivia, Weingartia, Mammillaria ทนๆบางตัว รวมถึงพวกกุหลาบหินด้วยครับ
สูตรที่ 2
ดิน 1 ส่วน ทราย 3 ส่วน แกลบ 1 ส่วน Perlite 1 ส่วน
อันนี้เป็นสูตรหลักที่ใช้บ่อยที่สุด ผมใช้กับไม้ต่อตอหนามดำ ตอริทเทอโร ตอบลู (รวมถึงตัวไม้ตอเองด้วย) และไม้ทั่วไป เช่น Astrophytum, Gymnocalycium, Melocactus, Mammillaria, และ Agave ไม้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงมาก่อน ผมก็จะเริ่มจากสูตรนี้ครับ ขณะนี้กำลังทดลองใช้สูตรนี้กับ Lithop, Titanopsis, Avonia และ Haworthia ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ สำหรับสูตรนี้ไม่แนะนำให้ใช้ขุยมะพร้าวแล้วนะครับ
สูตรที่ 3
ดิน 1 ส่วน แกลบ 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน หินภูเขาไฟ 2 ส่วน
เป็นสูตรแห้ง โปร่งเป็นพิเศษ ถ้าต้องการให้ระบายน้ำดีขึ้นอีกก็เอาแกลบออกครับ สูตรนี้ผมใช้กับไม้ที่ชอบแห้งๆ พวกไม้เน่าง่ายใจเสาะทั้งหลาย เช่น Ariocarpus, Lophophora, Copiapoa, Mammillaria บางตัว และไม้อวบน้ำกลุ่มอื่นบางชนิด
ในทุกสูตร ผมจะผสมปุ๋ยสูตรเสมอ สตาร์เกิลจี และออร์โธไซด์ ลงไปเล็กน้อยด้วยครับ กันให้หมดทั้งรา และแมลง อุ่นใจดีครับ
นอกจากนี้ยังมีวัสดุปลูกพรีเมียมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวผมยังไม่เคยใช้ แต่เซียนๆหลายท่านเอ่ยปากรับรองกันว่าใช้ได้ดีจริงๆ ก็คือ "ดินญี่ปุ่น" ครับ สามารถผสมลงในสูตรดินเพื่อเพิ่มความโปร่ง หรือจะใช้เดี่ยวๆเลยก็ยังได้ ข้อดีคือระบายน้ำดีเยี่ยม โปร่งดีเยี่ยม อายุการใช้งานนาน และมีธาตุอาหารให้กับพืชครับ เหมาะมากกับพวกไม้โหดมากๆ ไม้ราคาสูง หรือไม้ที่ระบบรากอ่อนแอ ผมเคยเห็นมีคนใช้ดินนี้กับ Ariocarpus, Aztekium, Geohintonia, Blossfeldia, Mammillaria ตัวโหดๆ (เช่น แมมเทเรซ่า แมมลูทิไอ แมมเฮอร์นันเดซ พวกนี้เน่าตายง่ายมาก), Lophophora, Copiapoa และ Haworthia ตัวเทพๆครับ ข้อเสียคือราคาสูง ดังนั้นควรเก็บไว้ใช้กับเหล่าลูกคุณหนูใจเสาะทั้งหลาย จะเป็นการดีกับสภาพคล่องทางการเงินของท่านครับ
![]() |
ดินญี่ปุ่น หรือ Akadama soil ภาพจาก http://www.nebonsai.com/mm5/merchant.mvc?Screen=PROD&Store_Code=NEBG&Product_Code=AkadamaLow&Category_Code=SOIL |
เอาละครับ วันนี้เราก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องลักษณะดินที่ต้นกระบองเพชรและไม้อวบน้ำชื่นชอบกันแล้วนะครับ นอกจากนี้เรายังได้ทำความรู้จักส่วนผสมต่างๆของดินปลูกต้นไม้ และได้สูตรดินกันไปทดลองปลูกแล้วด้วย ตอนหน้าผมจะพาทุกท่านไปชมการปฎิบัติการจริงในตอนเอาต้นไม้ลงกระถางครับ อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ